|
Post Number: 1
|
วันดี 
เก่าสุดๆ

      
กลุ่ม: สมาชิกประจำ
จำนวนโพสต์: 1017
เข้าร่วมเมื่อ: 07 Sep. 2002
อัตรานิยม: ไม่มี
|
 |
โพสต์เมื่อ: 25 Dec. 2007,06:47 |
|
 |
เมื่อปีกลาย อีหนูดอกไม้ของฉันเขียนประวัติส่วนตัวส่งครูภาษาอังกฤษ ปีนี้แม่ของอีหนูจึงเอามาแปลเป็นภาษาไทย นำมาให้เพื่อนของแม่อ่าน เพื่อรำลึกเหตุการณ์โศกเศร้ามากมายที่เกิดกับเราเมื่อ ๓ ปีที่แล้วร่วมกับคนอื่น ๆ
บ้านของฉัน
แม่สอนฉันตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ว่า ไม่มีความผูกพันใดที่แน่นเหนียวและลึกซึ้งยิ่งกว่าความผูกพันของสายโลหิต
ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงจุดไหนในชีวิต สุขหรือทุกข์ ตกต่ำหรือได้ดี เจ็บป่วยหรือสุขสบาย คนที่จะอยู่กับเรา เคียงข้างเราเสมอตลอดทั้งชีวิต คือพี่ ๆ น้อง ๆร่วมสายโลหิตของเรา
แม่สอนให้ฉันนึกถึงพี่น้องของตนเองก่อนคนอื่น เพราะจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่จะสุขและทุกข์กับฉันอย่างแท้จริง ความรักของพวกเขาจะเป็นกำแพงปกป้องฉันจากความโหดร้ายทั้งปวงในโลกนี้
..... พีพีดอน เกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกของแผ่นดินไทยในจังหวัดกระบี่ บางคนเรียกที่นี่ว่าเกาะอันโดดเดี่ยวกลางทะเล บางคนเรียกว่าสวรรค์อันสวยงาม แต่สำหรับครอบครัวของฉัน ที่นี่คือ บ้าน
แม่มีพี่และน้องทั้งหมดห้าคน ประมาณห้าหรือหกปีก่อนฉันเกิด ทั้งหกคนพี่น้องได้ชวนกันย้ายจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วยกันบนเกาะแห่งนี้ ฉันจึงเติบโตขึ้นมาบนเกาะพีพีดอนพร้อม ๆ กับพี่ชายและญาติอีกสามคน เป็นไอ้ตัวเล็กของพี่ ๆ ทั้งสี่
เราคนไทยไม่เรียกลูกพี่ลูกน้องว่าญาติ หากเราร่วมสายเลือดเดียวกัน พวกเขาก็คือพี่หรือน้องของเรา ฉันรู้จักคำว่าครอบครัวตามความหมายนี้ ดังนั้นครอบครัวของฉันจึงกว้างใหญ่อบอุ่นและสวยงาม
พวกเราทั้งห้าคน ได้รับการเลี้ยงดูให้ได้พบกับความสุข ความเจ็บปวดเสียใจ ความขลาดกลัว ความกล้าหาญ และความสนุกสนาน รื่นเริง เต็มที่อย่างที่เด็กทั่ว ๆ ไปควรได้รับ
แต่สำหรับพวกเราบนเกาะพีพีดอน ยังมีโอกาสได้พบกับการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ในท้องทะเลอีกด้วย
สมัยที่ฉันเป็นเด็ก เกาะพีพียังมีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าตอนนี้ เรือจากแผ่นดินใหญ่วิ่งไปเกาะพีพีเพียงวันละเที่ยวเดียว พี่ ๆ ตัวฉัน และเด็กชาวเกาะทั้งหลาย ล้วนถูกหล่อหลอมมาจากแสงแดด ผืนทราย และความงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ทุกชนิดของที่นี่
ไม่มีอะไรจะสวยสดงดงามสำหรับพวกเรายิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
...... ลุกขึ้นกันได้แล้วลูก
แม่เรียกขึ้นมาจากชั้นล่างของบ้านริมทะเลของเรา เสียงของแม่แทรกผ่านแผ่นไม้ขึ้นมาปลุกพวกเราที่กำลังหลับกันอย่างมีความสุข
แสงแดดยามเช้าส่องลอดรอยเผยอของม่านหน้าต่าง ให้ห้องที่เปิดพัดลมเอาไว้อุ่นขึ้นมาทีละนิด ฉันค่อย ๆ กระเถิบตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ อันผอมบางในวัยเจ็ดขวบไปที่หน้าต่าง
น้ำยังไม่ขึ้น ฉันรายงานด้วยเสียงงัวเงีย
ยังไงเราก็ต้องลุกขึ้นนะน้องพิม วันนี้เราจะไปบลูสกายกันไง จำไม่ได้แล้วรึ พี่เอมพี่สาวคนโตเตือนความจำ แล้วพูดต่อไปด้วยประโยคที่ฉันไม่อยากฟังว่า น้องพิมไปอาบน้ำก่อนไป
ทำไมต้องเป็นหนูทุกทีเลย ฉันโอดครวญ เบือนหน้าไปมองพี่เพียวที่กำลังพับผ้าห่มของฉันอยู่ อย่างขอความเห็นใจ
ก็เพราะว่าน้องพิมเล็กกว่าเพื่อนเอง ช่วยไม่ได้ พี่เพียวกลับตอบมาอย่างนี้ ก่อนจะก้มลงจับฉันขึ้นแบกใส่บ่าพาลงไปชั้นล่าง
ชีวิตประจำวันของพวกเรา เริ่มต้นคล้าย ๆ กันเช่นนี้ทุกวัน
........ พวกเราทั้งห้าคน จะไปเที่ยวทะเลกับเรือบลูสกายบ่อย ๆ ยามเช้าขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงสีส้มมากระทบหน้าผาหิน พวกเราจะพากันไปยืนแถวเรียงเดี่ยวอยู่บนสะพานท่าเรือ มีถุงใส่ข้าวเหนียวและไก่ทอดอยู่ในมือเล็ก ๆ คนละถุง กระวนกระวายรอคอยที่จะได้สัมผัสทะเลกว้างกันอีกครั้ง
Blue Sky มีความหมายต่อฉันมากกว่าการเป็นเรือนำเที่ยวทั่ว ๆ ไป ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันก็คือเรือนำเที่ยวลำใหญ่ของน้าชาย ที่พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังตามที่ต่าง ๆ ของทะเลเกาะพีพี
ในเวลานั้นธุรกิจของน้ายังไม่ดีนัก แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการไม่ถึงยี่สิบคน แต่ในวัยเจ็ดขวบอย่างฉันตอนนั้น จะไปสนใจเรื่องนี้ทำไม
สิ่งเดียวที่จำได้แม่นยำและสนใจที่สุด ก็คือความกระหายอยากเห็นฝูงปลาสีสวยนานาพันธุ์ที่มารอเศษข้าวเหนียวจากมือเรา และความตื่นเต้นที่จะได้กระโดดจากเรือชำแรกตัวลงไปสู่น้ำทะเลสีฟ้าใสที่อ่าวมาหยาเท่านั้น
ทันทีที่เรือออกจากท่า พวกเราทั้งหมดก็กรูกันขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ไม่มีทางที่เราจะสละมุมที่ดีที่สุดของเรือลำนี้ให้กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ
เราจะนั่งห้อยขาลงมาจากราวกั้นบนดาดฟ้า ปล่อยให้ลมทะเลอันสดชื่นพัดแทรกเส้นผมปลิวกระจายไปอย่างอิสระ
พวกเราไม่เคยพลาดโอกาสแม้สักครั้งเดียว ที่จะไม่กระโดดลงไปสู่ทะเลเบื้องล่างทุกที่ที่เรือจอด เด็กผู้ชายกลายร่างเป็นโจรสลัดที่มีดาบไม้ในมือและผ้าสีแดงพันที่คอไปทันควัน ส่วนเด็กผู้หญิงก็จะเป็นเงือกน้อยที่มีเปลือกหอยประดับเส้นผม ว่ายน้ำกระทุ่มเท้าไปด้วยกันอย่างรื่นเริง และพยายามจะอยู่ใต้น้ำกันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกเราไม่เคยรับรู้ความเป็นไปของคนอื่น ๆ รอบตัว นักท่องเที่ยวพวกนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิดเดียว พวกเขาเอาแต่พายแคนูไป ๆ มา ๆ หรือไม่ก็นอนอยู่บนเรือให้แสงแดดย่างผิวให้สุกจนกินได้ จะไปสนุกอะไร
พวกเราสิ ที่กำลังผจญภัย เราคือสิ่งสดใหม่ เราเป็นอิสระ และกล้าหาญ
...... อ่าวมาหยา คือจุดจอดเรือที่ฉันชอบมากที่สุด เป็นสถานที่ที่ฉันรอคอยมากที่สุดในการเที่ยวทะเลแต่ละครั้ง
ที่นี่เป็นเสมือนแผ่นดินในนิทาน ผืนทรายสีขาวแวววาวที่ล้อมรอบด้วผาหิน ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบเชียบราวกับเป็นความลับที่ท้องทะเลกว้างภายนอกไม่อาจรับรู้ ความลับที่ไม่เป็นของใคร
สำหรับฉันแล้ว อ่าวมาหยาคือทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดของการเที่ยวทะเล ที่นี่มีทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นผืนทราย การผจญภัย และความงามที่มิบังอาจแตะต้อง
น้ำทะเลที่อ่าวมาหยาใสยิ่งกว่าที่ไหน มันเป็นสีฟ้าและใสกระจ่างอย่างแท้จริง
ท้องฟ้าก็สวยงามสุดจะกล่าว แต่ที่จริงฉันไม่ค่อยได้เงยหน้ามองมันนักหรอก เพราะมันดูไกลและเป็นปริศนาสำหรับคนตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน
ฉันมองหาแต่สิ่งที่ฉันสามารถเข้าถึงได้เท่านั้น
น้ำทะเลแสนสวยคือสีฟ้าสดใสของชีวิตฉัน ส่วนแผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่เบื้องบนก็คือครอบครัวของฉัน นั่นคือความหมายที่แท้จริง
...... ขากลับจากเที่ยวทะเล พวกเราจะพากันไปนั่งห้อยขาริมดาดฟ้าเรือที่เดิม ปล่อยให้สายลมอุ่น ๆ พัดพาหยดน้ำตามผิวกายจนเหือดแห้ง ทิ้งไว้แต่เพียงรสเค็มของน้ำทะเลที่ติดอยู่บนริมฝีปาก
ฉันมักนั่งพิงไหล่พี่เพียวจ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจมลงบนแผ่นน้ำที่สุดขอบฟ้าเงียบ ๆ
วันหนึ่งผ่านไปแล้ว อีกวันกำลังจะตามมา พวกเราก็จะต้องเติบโตกันต่อไป จะมีอะไรมาทำให้เด็กวัยเจ็ดขวบต้องห่วงกังวลไปได้เล่า
........................ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ วันที่เอเชียอาคเนย์ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากภัยธรรมชาติที่ไม่เคยมีใครที่นี่รู้จัก มหาคลื่นที่ชื่อสึนามิ ได้เข้าทำลายชีวิตผู้คนนับแสน พ่อแม่พี่น้องพลัดพราก ครอบครัวแตกสลาย หลายชีวิตไม่มีโอกาสจะได้พบกันอีกเลย คลื่นยักษ์ได้กระชากผู้คนจำนวนมากไปจากบ้าน และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น เกาะพีพีดอน บ้านของฉันเป็นที่หนึ่งที่ถูกทำลายมากที่สุด บนเกาะเล็ก ๆ กระจิดหริดผู้คนเป็นร้อยเป็นพันถูกคร่าชีวิตไป ที่นั่นถูกสึนามิฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจาย
พีพีปริ้นเซสและพีพีชาลี รีสอร์ทของครอบครัวเราที่เริ่มจากห้องพักไม่กี่หลังด้วยความหลงใหลเกาะพีพีของพ่อกับแม่ ที่ที่ทั้งสองได้ฝังทั้งหัวใจสร้างสรรค์มันขึ้นมาให้เป็นงานศิลปะชิ้นใหญ่แห่งชีวิต ถูกทำลายไปหมดแล้ว ชั่วไม่กี่อึดใจทะเลได้ดูดกลืนสิ่งที่พ่อกับแม่ทุ่มแรงช่วยกันสร้างด้วยใจรักถึง ๒๐ ปีจนหมดสิ้น และมันก็ได้เอาสวรรค์ของฉัน ที่ที่แสนอบอุ่น ที่ที่คือบ้านของฉันไปเสียด้วย ไม่มีอีกแล้ว บ้านกลางทะเล My Blue Sky และต้นไม้แห่งรักที่ฉันเติบโตขึ้นมาพร้อมกับมัน
มาวันนี้ ที่นั่นเปลี่ยนไปหมดแล้ว ต้นไม้อันสวยงามถูกแทนที่ด้วยเกสท์เฮ้าส์และห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว มีเพียงความทรงจำอันแสนสุขเท่านั้นที่ยังอยู่ในใจฉัน ในความทรงจำอันงดงามนั้นฉันจะยังคงอยู่ในน้ำที่ใสสะอาดของเกาะพีพี แหงนหน้ามองดวงตะวันอันสดใส เอนตัวลงบนผืนทรายใต้เงาไม้ริมหาด พิงไหล่พี่ชายแล้วจ้องมองออกไปยังเส้นขอบฟ้า สำหรับฉันเกาะพีพีจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป แม้วัยเด็กของฉันจะกลายเป็นความฝันอันห่างไกลไปทุกที ............
|
 |
|
|
Post Number: 2
|
แมวเหมียว 
แม่ครัวโจ๊กน้ำใส

      
กลุ่ม: ฅนทำความสะอาด
จำนวนโพสต์: 3991
เข้าร่วมเมื่อ: 23 Oct. 2003
อัตรานิยม: ไม่มี
|
 |
โพสต์เมื่อ: 25 Dec. 2007,08:38 |
|
 |
อ่านแล้วประทับใจค่ะ
ชื่นใจกับลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของพี่วันดีนะคะ
|
 |
|
|
Post Number: 3
|
pilgrim 
เก่าสุดๆ

      
กลุ่ม: สมาชิกประจำ
จำนวนโพสต์: 2230
เข้าร่วมเมื่อ: 16 Jun. 2005
อัตรานิยม: ไม่มี
|
 |
โพสต์เมื่อ: 25 Dec. 2007,22:37 |
|
 |
ภาษาสวย มองเห็นบรรยากาศและภาพเลยค่ะ
เก่งทั้งคุณหนูดอกไม้ที่ร้อยเรียงเรื่อง และคุณแม่ของหนูดอกไม้ ที่ร้อยเรียงคำ
ขอรำลึกถึงเหตุการณ์ซึนามิด้วยคนนะคะ พี่วันดี
ส่งใจรำลึกถึงผู้วายชนม์ และขอให้ความสงบกลับคืนสู่ธรรมชาติค่ะ
--------------

All days come from one day.
|
 |
|
|
Post Number: 4
|
pakae 
เก่าสุดๆ

      
กลุ่ม: สมาชิกประจำ
จำนวนโพสต์: 1105
เข้าร่วมเมื่อ: 14 Jun. 2005
อัตรานิยม: ไม่มี
|
 |
โพสต์เมื่อ: 26 Dec. 2007,09:51 |
|
 |
ยอดมากเลยค่ะ
อ่านแล้วประทับใจจังเลย
เรียกว่าต้นไม้หล่นใต้ต้นเลยนะค่ะเนี่ย
มีความรู้สึกว่านักเขียนแต่ละคนในบ้านหลังนี้เก่งๆกันทุกคน มีหลายๆอย่างที่อ่านแล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
วันเวลาผ่านไปไวไม่น่าเชื่อ ผ่านมาสามปีเข้าปีที่สี่แล้ว
ขอร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลกใบนี้
|
 |
|
|
|